Bakecup Bakery | เบเกอรี่โฮมเมดพรีเมียม รับจัด Snack Box สำหรับทุกโอกาส

เฮ้! เหล่าคนรัก #Scone ทั้งหลาย! วันนี้มาเม้าท์มอยเรื่องการทำขนมสุดคลาสสิกอย่าง “สโคน” กันหน่อย ใครเคยเจอปัญหาทำสโคนแล้วออกมาแข็งโป๊ก หรือว่าร่วนจนเป็นผงบ้าง? 😩 ไม่ต้องกังวล! เพราะเรามี Scone Tips เคล็ดลับสโคนนุ่มมาบอกต่อ รับรองว่าถ้าทำตามนี้ เพื่อนๆต้องได้สโคนเนื้อนุ่มฟู เบา ไม่ฝืดคอ อร่อยจนต้องร้องว้าววว! แล้วมาเตรียมตัวเป็นเซียน Scones เลย!

💖 หัวใจสำคัญของสโคนนุ่ม (The Secret to Soft Scones)

จำไว้เลยนะว่าการทำสโคนเนี่ย หลักการสำคัญคือ “ความเย็น” และ “ความไว” ถ้าควบคุมสองอย่างนี้ได้ โอกาสสำเร็จก็มาเกินครึ่งแล้ว! เรามาเจาะลึกกันทีละสเต็ปเลยดีกว่า

❄️ 1. เนยต้องเย็นจัด!

นี่คือพระเอกตัวจริง! เนยจืดที่เย็นจัด (Unsalted Butter) คือหัวใจหลักของความฟู! แนะนำให้เอาเนยไปแช่ช่องฟรีซไว้สัก 15-20 นาทีก่อนใช้ หรือถ้าขยันหน่อยก็ให้ใช้ที่ขูดชีสขูดเนยแช่แข็งเป็นชิ้นเล็กๆ เลยก็ได้!

แล้วทำไมเนยต้องเย็น? เพราะเมื่อเราเอาเนยมาบี้กับแป้ง มันจะยังคงสภาพเป็นก้อนไขมันเล็กๆ กระจายตัวอยู่ในแป้ง พอเข้าเตาอบปุ๊บ ความร้อนสูงจะทำให้เนยละลายอย่างรวดเร็วและกลายเป็นไอน้ำ (Steam) เจ้าไอน้ำนี่แหละที่เป็นเหมือน “เครื่องจักรไอน้ำ” ช่วยดันแป้งสโคนของเราให้ขึ้นฟูเป็นชั้นๆ และทำให้สโคนของเรามีเนื้อสัมผัสที่เบาและร่วนนิดๆ กรอบนอกนุ่มในไงล่ะ

  • Tip: ใช้ปลายนิ้วบี้เนยกับแป้งเบาๆ ให้เป็นลักษณะเหมือนทรายหยาบ (Breadcrumb) หรือใช้ Pastry Blender ช่วยก็ได้ สำคัญมาก: อย่าใช้ฝ่ามือหรือนวดนาน เพราะความร้อนจากมือจะทำให้เนยละลาย! ถ้าเนยละลายเป็นน้ำมัน สโคนเราจะแบนและแข็งทันที!

🥣 2. การเลือกใช้แป้งและการเพิ่มความฟู

ส่วนผสมแห้งก็มีผลไม่แพ้กัน!

  • แป้ง: แนะนำให้ใช้แป้งสาลีเอนกประสงค์ (All-Purpose Flour) หรือถ้าอยากได้ความนุ่มเป็นพิเศษ ลองใช้แป้งเค้ก (Cake Flour) ผสมกับแป้งเอนกประสงค์เล็กน้อย จะได้เนื้อสัมผัสที่เบาขึ้นมาก และอย่าลืมร่อนแป้ง (Sift the Flour) ก่อนทุกครั้ง เพื่อให้แป้งเบาและไม่มีเม็ด
  • ตัวช่วยฟู (Leavening): ส่วนใหญ่ใช้ผงฟู (Baking Powder) โดยต้องมั่นใจว่าผงฟูยังใหม่และมีประสิทธิภาพอยู่ ถ้าใช้ผงฟูที่มีการทำงานสองครั้ง (Double-Acting) ก็จะช่วยให้สโคนฟูได้ทั้งตอนผสมและตอนอยู่ในเตาอบ อย่าลืมเติมเกลือเล็กน้อยเพื่อตัดรสและเสริมรสชาติด้วยนะ

🥛 3. ของเหลวก็ต้องเย็นฉ่ำ

ไม่ว่าจะเป็นนมสด (Milk), บัตเตอร์มิลค์ (Buttermilk) หรือวิปปิ้งครีม (Heavy Cream) ก็ควรแช่เย็นไว้ก่อนใช้งาน เพื่อเป็นการรักษาความเย็นของเนยในส่วนผสมให้ได้นานที่สุด! บัตเตอร์มิลค์จะช่วยให้สโคนมีความเปรี้ยวอ่อนๆ และทำปฏิกิริยากับผงฟูได้ดีมาก ทำให้สโคนฟูและนุ่มเป็นพิเศษ

  • Tip: ค่อยๆ เทของเหลวลงไปทีละนิด ผสมแค่พอให้ส่วนผสมจับตัวเป็นก้อนหยาบๆ ไม่ต้องนวดเนียนกริ๊บ! ห้ามคนหรือนวดเยอะเด็ดขาด! (Don’t Overmix!) เพราะการนวดจะไปกระตุ้นการสร้างกลูเตน (Gluten) ในแป้ง ทำให้สโคนแข็งและเหนียวหนึบ (เหมือนทำขนมปัง) แทนที่จะนุ่มฟู เราต้องการให้แป้งดู “ร่วนๆ” และ “เปียกแบบหยาบๆ” ก็พอแล้ว

📏 4. ความหนาและเทคนิคการตัด

  • ความหนา: รีดแป้งให้มีความหนาประมาณ 1 ถึง 1.5 นิ้ว (2.5 – 4 เซนติเมตร) ความหนาที่เหมาะสมจะช่วยให้สโคนมีพื้นที่ในการฟูสูง (Scone Rise) และได้เนื้อที่ฉ่ำนุ่มด้านใน
  • ตัดตรงๆ ไม่บิด! (Cut Straight Down, No Twist!): เวลาใช้พิมพ์กดแป้งสโคน (Scone Cutter) ให้กดลงไปตรงๆ แล้วดึงขึ้นมาเลย ห้ามบิดพิมพ์! (Never Twist the Cutter!) เพราะการบิดจะไปปิดขอบแป้ง ทำให้สโคนไม่สามารถฟูขึ้นเป็นชั้นๆ ได้เต็มที่ เหมือนเป็นการ ‘ซีล’ ขอบเอาไว้ (อันนี้สำคัญมาก!) ถ้าไม่มีพิมพ์ ให้ใช้มีดคมๆ ตัดเป็นสี่เหลี่ยมหรือสามเหลี่ยมก็ได้

🧊 5. ก่อนอบ… แช่เย็นอีกรอบ!

สเต็ปนี้เหมือนการพักแป้งให้ทุกอย่าง “สงบ” ลง และเป็นการยืนยันความเย็นของเนย แช่สโคนที่ตัดแล้วในตู้เย็น (หรือช่องฟรีซแป๊บนึงก็ได้) ประมาณ 15-30 นาที การที่สโคนเย็นจัดก่อนเข้าเตาร้อนๆ จะช่วยให้ได้ #SconeRise ที่ดีที่สุด คงรูปสวยงาม และทำให้ผิวสโคนกรอบอร่อย

  • Tip พิเศษ: ก่อนเข้าอบ ทาหน้าสโคนด้วยนมสดเย็นจัด หรือไข่ที่ตีผสมกับนมเล็กน้อย (Egg Wash) จะช่วยให้หน้าสโคนเป็นสีน้ำตาลทองสวยงามน่ากิน

🔥 6. อบด้วยไฟแรง

สโคนชอบความร้อนสูง! ส่วนใหญ่มักอบที่อุณหภูมิประมาณ 200-220 องศาเซลเซียส (400-425 องศาฟาเรนไฮต์) ในช่วงเวลาสั้นๆ (ประมาณ 12-15 นาที) ความร้อนสูงจะทำให้ผงฟูทำงานได้ดีและเนยสร้างไอน้ำอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สโคนฟูขึ้นอย่างสวยงาม! อบจนเป็นสีน้ำตาลทองสวยก็ใช้ได้แล้ว

 

ใครที่ลองทำตามเคล็ดลับนี้แล้วได้สโคนออกมานุ่มฟูสมใจ อย่าลืมถ่ายรูปสวยๆ มาอวดกันหน่อยนะ! แล้วเสิร์ฟคู่กับแยมผลไม้และครีมคลอตเต็ด (Clotted Cream) ฟินสุดๆ ไปเลย! 😋

“Happy Baking, My Friend!”